
บทความนี้จะเป็นคู่มือการเลือกกล้องถ่ายรูปที่เหมาะสมกับเราฉบับสั้น ที่ไม่ได้เน้นแค่ราคาถูก แต่เน้นความคุ้มค่า ตอบโจทย์ตามการใช้งาน ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจพลาด

1. เลือกกล้องถ่ายรูปตามเป้าหมายตั้งใจไว้ถ่ายภาพเล่นทั่วไป
-
เป้าหมายไว้ถ่ายภาพเล่นทั่วไป
กรณีนี้สามารถซื้อกล้องอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับงบที่เรามี แนะนำให้ลองจับกล้องที่สนใจก่อน เลือกตามที่เราจับแล้วรู้สึกถนัด กดปุ่มต่าง ๆ แล้วพอดีกับมือเรา รู้สึกอยากถือบ่อย ๆ จะเป็น Compact, DSLR, หรือ Mirrorless ก็ได้ ตามที่เราถนัด ยิ่งอยากใช้มันบ่อยเท่าไหร่ เราจะลดข้ออ้างการฝึกถ่ายภาพ ทำให้เราเก่งได้ง่ายขึ้น กล้องถ่ายเริ่มต้นสมัยนี้สเปคเกินราคาแทบทุกค่าย
-
เป้าหมายไว้ถ่ายภาพจริงจัง
กรณีนี้มักจะเกิดกับคนที่ศึกษาการถ่ายภาพมาสักระยะ อาจจะเคยมีกล้องถ่ายมาก่อนหรือ มีประสบการณ์มาในระดับนึง กรณีนี้ผมแนะนำให้ซื้อกล้องระดับ Fullframe ดีกว่า จะเป็นมือหนึ่ง หรือมือสองก็ได้ตามงบที่มี แต่ไม่อยากให้ระดับกล้องต่ำไปกว่านั้น เพราะถึงจุดนึงที่คุณอยากได้ผลงานที่ดีมากยิ่งขึ้น คุณต้องเปลี่ยนมาเป็นกล้องระดับนี้อยู่ดี
-
เป้าหมายไว้รับงานในอนาคต
สำหรับคนที่มีเป้าหมายจะเป็นช่างภาพ หรือมีโอกาสเป็นช่างภาพได้ ตอนเริ่มต้นให้ใช้กล้องเท่าที่มีไปก่อน พยายามลองรับงานราคาหลักต้นพัน เพื่อสะสมประสบการณ์ถ้าคิดว่าพร้อมจะเทิร์นเป็นมือาชีพ แนะนำให้เลือกกล้องกลุ่ม Full frame เท่าานั้น จะตัวท็อปหรือรอลงมาของแต่ละปีก้ได้ การมีอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ดี ทำให้ลดความผิดพลาดจากงานได้เยอะ เพิ่มโอกาศให้ได้ภาพที่ดีมากขึ้น และภาพลักษณ์ก็ดีขึ้นด้วย
2. เลือกกล้องถ่ายรูปตามงบประมาณที่มี
-
งบประมาณ 20,000 – 40,000 บาท
ราคานี้เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการถ่ายภาพเล่น ๆ เท่านั้น มีกล้องหลายตัวที่ราคาน่ารัก เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเปลี่ยนจากการใช้มือถือมาเป็นกล้องดิจิทัล ไม่จำเป็นต้องกล้องมือหนึ่ง สามารถหามือสองสภาพยังได้ในราคาที่ถูกมาก ๆ
รุ่นที่พอจะใช้แนะนำได้มีดังนี้
-
- Fuji X-A10
- Sony ZV-E10
- Sony A6000 – A6500
- Canon M50
แนะนำหลังจากซื้อแล้ว อย่าเพิ่งซื้อเลนส์ใหม่ ให้ใช้เลนส์ที่มีอยู่ก่อน จนกว่าจะรู้ว่าสนใจถ่ายภาพอะไรเป็นพิเศษ แล้วค่อยซื้อเพิ่มทีหลัง หลังเหลืองบสักนิดลงเรียนถ่ายภาพ เราจะถ่ายภาพเป็นเร็วมากขึ้น เราจะมีกำลังใจในการฝึกมากขึ้น
-
งบประมาณ 50,000 – 90,000บาท
ราคานี้เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการถ่ายภาพจริงจังขึ้น มีประสบการณ์มาแล้วอยากได้กล้องที่มีคุณภาพมากขึ้น ไฟล์ภาพที่ดีขึ้น มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
แนะนำกล้องเหล่านี้ทั้งมือหนึ่งและมือสอง
-
- Canon EOS RP
- Sony A7Cii
- Sony A6600 – A6700
- Fujifile X-S10
- และยังมีอีกหลายรุ่นที่สามารถไปถึงได้
แนะนำให้เหลืองบสักนิดหน่อยไปซื้อเลนส์ดี ๆ สักตัว ไปเรียนถ่ายภาพเพิ่มเติม หรือไปลงทุนสร้างผลงานที่ไม่เคยทำก็ได้ครับ
-
งบประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป
งบนี้เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการอยากจะก้าวสู่ระดับมืออาชีพจริง ๆ สามารถใช้กล้องระดับท็อป ๆ ของค่ายได้เลย เช่น
-
- Sony A7IV
- Canon R
- Nikon Z6ii
- Fujifilm X-Pro3
หรือรุ่นอื่น ๆ ที่สูงขึ้นไปได้อีก ในระดับนี้อยากให้คิดว่าเป็น “การลงทุน” เพราะท้าที่สุดแล้วอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้เราสามารถสร้างรายได้กลับมาได้เช่นกัน และเหลืองบสักนิดไปสร้างงานที่เติมเต็มจิตวิญญาณด้วยนะครับ จะได้มีพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง
3. เลือกตามขนาดของเซ็นเซอร์ หรือประเภทของกล้องถ่ายรูป
-
Compact
กล้องประเภทนี้จะใช้ Sensor ขนาด 1 นิ้ว ซึ่งมีขนาดเล็กเกือบสุดของกล้องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ โดยเลนส์จะถูก Build มากับตัวกล้องเลย ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายจะดีกว่กล้องมือถือพอสมควร
กล้องประเภทนี้ได้แก่
-
- Sony RX100 VII
- Ricoh GR III
- Fujifilm X100T
- Leica Q2
- Sony Z-V1
เหมาะสมกับการถ่ายท่องเที่ยว แบบเน้นเบา ๆ ดีกว่ามือถือ แต่คาดหวังคุณภาพของภาพ
-
กล้อง M4/3 (Micro Four Thirds)
ไม่โครโฟร์เติร์ด เป็นชื่อเรียกของขนาดเซ็นเซอร์ M4/3 มีขนาดใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว แต่ไม่เท่า APS-C สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ตามใจ มีขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบาทั้งตัวกล้องและตัวเลนส์ การใช้งานเหมือนกล้อง Mirrorless
จะมีแค่ 2 ค่ายหลักคือ
-
- Panasinic
- Olympus
คุณภาพไฟล์ดี แต่การละลายฉากหลังทำได้ดีกว่ามือถือ แต่ไม่เท่ากล้อง Full frame เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้สนใจการเบลอละลายฉากหลังมากนัก
จุดเด่นคือ น้ำหนักเบา, พกพาสะดวก และได้ระยะเลนส์ที่ซูมไกลกว่า Full frame ถึงเท่า เหมาะกับสายถ่ายภาพทั่วไป สัตว์ต่าง ๆ วิวธรรมชาติและในเมือง
-
กล้อง APS-C
ในวงการถ่ายภาพมักจะเรียกสั้น ๆ ว่า “กล้องตัวคูณ” มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่กว่า M4/3 แต่เล็กกว่า Fullframe คุณภาพไฟล์ถือว่าอยู่ในระดับใช้ได้ สามารถรับงานสเกลเล็กถึงกลาง มีเลนส์ให้เลือกใช้เยอะ ราคาไม่ได้แพงมาก เป็นกล้องเริ่มต้นของผู้ที่ฝึกหัดถ่ายภาพ
ตัวอย่างกล้องประเภทนี้
-
- Canon R50
- Sony ZV-E10
- Nikon Z30
- Fujifilm X-T200
-
Full frame
กล้องระดับมืออาชีพ เซ็นเซอร์ขนาด Full frame มีคุณภาพไฟล์ภาพที่สูงมาก สามารถรับงานถ่ายภาพสเกลเล็กจนถึงสเกลใหญ่ได้อย่างสบาย เป็นกล้องที่มืออาชีพเลือกใช้กันแทบทุกคน
จุดด้อยคือ ราคาที่ค่อนข้างสูง และนำหนักที่เยอะกว่ากล้องชนิดอื่น ๆ ซื้อแล้วใช้งานได้ยาว ๆ หมดข้ออ้างเรื่องคุณภาพไฟล์ที่ไม่ดี เสริมให้ฝีมือคนถ่ายภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างกล้องประเภทนี้ได้แก่
-
- Sony A7RV
- Sony A7iii
- Sony A7IV
- Canon R
- Canon R5
- Nikon Z6ii
- Nikon Z7
- Panasonic S5
- Panasonic S1R
- Leica SL
สามารถหาได้ทั้งมือหนึ่งและมือสอง ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน คุณภาพไฟล์ของเซ็นเซอร์ตัวนี้ยังทำงานได้ดีเสมอ
-
DSLR
กล้องดิจิทัลที่มีกระจกบริเวรชัตเตอร์ เวลาถ่ายภาพจะได้ยินเสียงชัตเตอร์ชัดเจน ช่วยเพิ่มอรรถรสในการถ่ายภาพอย่างมาก มีเซ็นเซอร์ขนาด APS-C และ Full frame ในสมัยก่อนเป็นกล้องที่นิยมมาก ๆ เพราะภาพลักษณ์ดูเท่ มีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ ถึก ทน ยิ่งกล้องแพง ๆ กันน้ำ กันฝุ่นทุกอณู เผลอตกน้ำทะเบยังไม่เป็นไรเลย แต่ปัจจุบันความนิยมลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากปัญหาเรื่องน้ำหนักที่หนักพอสมควรจึงไม่ค่อยมีใครนิยมแบก ทำให้ความนิยมไปตกที่กล้อง Mirrorless ที่มีน้ำหนักเบากว่า
-
Mirrorless
กล้องดิจิทัลที่พัฒนามากจาก DSLR โดยตัดกระจกบริเวรชัตเตอร์ออก ทำให้น้ำหนักเบาลง และขนาดเล็กลง มีเซ็นเซอร์ให้เลือกตั้งแต่ขนาด 4/3, APS-C, Full frame ครอบคลุมทุกแบบ จึงเป็นที่นิยมให้ปัจจุบันมาก ๆ
ข้อด้อยของกล้องแระเภทนี้คือ ความทนทาน ที่ยังสู้ DSLR ไม่ได้ และราคาแพงกว่ากล้อง DSLR มากพอสมควร แต่หลาย ๆ
หลายคนก็ยังนิยมเลือกเพราะน้ำหนักที่เบากว่าเห็นได้ชัด พร้อมกับแบรนด์กล้องทุกแบรนด์เน้นมาพัฒนากล้องตัวนี้โดยหยุดพัฒนากล้อง DSLR ไปแล้ว
ในการเลือกกล้องไม่ได้ตายตัว ถ้าไม่มั่นใจ สามารถไปทีละขั้นได้ครับ
ส่วนใครที่มีกล้องแล้ว แต่ยังใช้ไม่คุ้มค่าตัว มาเพิ่มความรู้กับ Snappix Academy ได้นะครับ